20 มีนาคม 2568

"ภูมิสรรค์" ขึ้นเวทีถก "นโยบายแบบไหนเปลี่ยนการศึกษาได้จริง"

image

ชวนพรรคการเมืองร่วมคิด “หนุนเด็กไทยเรียนรู้ใหม่ ก้าวทันโลก” พร้อมถก “นโยบายแบบไหนเปลี่ยนการศึกษาได้จริง”

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2566 ภาคีเพื่อการศึกษาไทย(TEP) ร่วมกับ Thai PBS จัดเวที “ชวนพรรคร่วมคิด ฟื้นชีวิตเรียนรู้ใหม่ หนุนเด็กไทยก้าวทันโลก” โดยมีตัวแทนจากพรรคการเมือง เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น “นโยบายแบบไหนเปลี่ยนการศึกษาได้จริง” พร้อมตอบคำถามจากตัวแทนภาคส่วนต่างๆ ภายหลังได้รับโจทย์จากภาคีเพื่อการศึกษาไทยหลายประเด็น 

โดยวันนี้เราจะมาฟัง คุณภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.คณะกรรมการประสานงานองค์กรเครือข่ายภายนอกพรรคและกรรมการด้านเทคโนโลยี พรรคประชาธิปัตย์ พูดถึงประเด็นคำถามที่ภาคีเพื่อการศึกษาไทยให้โจทย์มา

  • การปรับหลักสูตรแกนกลางครั้งใหญ่ให้เอื้อต่อการเรียนรู้สมรรถนะ

ที่มาในวันนี้ไม่ได้มานำเสนออะไรใหม่ แต่จะมาบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ โดย ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่รับผิดชอบอยู่ในหลายๆส่วนได้ทำตามรูปแบบของภาคีเพื่อการศึกษาไทยทั้งหมด ตอนนี้เราให้ความสำคัญกับพื้นที่นวัตกรรม ประสานงานกับภาคีเพื่อการศึกษาไทยและทำงานกันอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ตอนนี้ติดอยู่ตรงภาครัฐต้องเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้ได้เข้าไปทำ 

ซึ่งที่ผ่านมาทราบว่ามีความพยายามยุบ พ.ร.บ.พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา มีการชะลอ พ.ร.บ.ตัวใหม่ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ออก ที่ถึงขณะนี้ยังไม่มีการประกาศออกมา ซึ่งมีความสำคัญที่จะนำไปสู่การปรับโครงสร้างทางการศึกษา และหลักสูตรการเรียนการสอน ที่ผ่านมาโรงเรียนนำร่องนวัตกรรมทางการศึกษาได้รับการยอมรับจากนานาชาติ แต่ปัญหาคือยังมีความเหลื่อมล้ำอยู่มาก เราต้องปรับความเหลื่อมล้ำให้ลดน้อยลงให้ได้

อย่างไรก็ดีถึงวันนี้เราก็ยังมีความโชคดีอยู่ แม้จะมีความพยายามที่จะยุบ พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จากเดิมมี 9 พื้นที่ แต่ตอนนี้เราได้ขยายไปถึง 19 พื้นที่ ซึ่งมันขยายตัวไปเร็วกว่า พ.ร.บ.การศึกษาด้วยซ้ำ

  • การป้องกันการละเมิดสิทธิเสรีภาพและการใช้ความรุนแรงในสถานศึกษา

สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนใครทำผิด จะต้องมีการลงทาอย่างรุนแรง แต่รุนแรงขนาดไหนต้องเป็นไปตามกฎหมายของบ้านเมือง แต่หากลงโทษด้วยการโอนย้ายไปตำแหน่งหรือหน่วยงานอื่น เหมือนองค์กรตำรวจแบบนี้ไม่เรียกว่าการลงโทษ ผมเชื่อว่าถ้าเรามีบทลงโทษที่รุนแรงก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหานี้ 

อย่างไรก็ดีเราต้องการแก้ไขที่ต้นเหตุไม่ใช่แก้ไขที่ปลายเหตุ เราจะเอาครูและเด็กไปอบรมหลักสูตรสิทธิมนุษยชน ในเชิงวิภาคร่วมกัน ซึ่งคณะกรรมการสิทธิ์ฯ ได้ออกแบบหลักสูตรไว้แล้ว และเมื่อ  4 ปีที่แล้ว ดร.คุณหญิงกัลยา ให้นโยบายเร่งด่วนคือการพัฒนาคน โดยใช้หลัก coding ในการอบรม หลักการที่จะอบรมครูเป็นขั้นเป็นตอน ขณะนี้ได้เข้าไปอยู่ในระบบการศึกษาทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ซึ่งช่วงโควิดมีอบรมทางออนไลน์ไปแล้ว 400,000 กว่าคน และหลังจากนี้จะเป็นการอบรมแบบ face to face เพื่อย้ำความเข้าใจในการปฏิบัติอีกครั้ง เชื่อว่าหากเรามีการอบรมมีการแก้ไขปัญหาเป็นขั้นเป็นตอนทั้งเด็กและครู เชื่อว่าในอนาคตเราจะมีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้น

นอกจากการอบรมแล้วสิ่งที่จะต้องเข้าไปดูแลคือเรื่องความเป็นอยู่ของตัวเด็กนักเรียนหรือครูผู้สอน เพราะภาวะที่บ้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว ความเป็นอยู่ หนี้สิน ส่งผลถึงปัญหาความรุนแรง ส่วนประเด็นที่มองข้ามไม่ได้อีกหนึ่งอย่างคือเรื่องการนำเสนอของสื่อ ที่นำเสนอแต่ความรุนแรง ไม่ค่อยเสนอเรื่องที่สร้างสรรค์และให้เกรียติกัน 

        - การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กและบุคลากรครูเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

ตอนนี้กระทรวงศึกษาธิการได้จัดรูปแบบโรงเรียนใหม่ทั้งหมดแล้ว ยกจากระดับโรงเรียนคุณภาพตำบล ตอนนี้เป็นโรงเรียนสแตนอโลน แต่ว่าคนก็ไปเข้าใจว่าโรงเรียนสแตนอโลน อยู่พื้นที่ห่างไกลอยู่เกาะแก่ง แต่จริงๆแล้ว ควบรวมกับโรงเรียนขนาดเล็กทั่วไปด้วย บางทีมติครม.ให้ควบรวมโรงเรียนที่อยู่ห่างกันไม่เกิน 6 กม.เข้าด้วยกัน แต่ว่าความเป็นจริงไม่ควรควบรวมเนื่องจาก ปัจจัยที่จำเป็น ทั้งความแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ชุมชน เพราะฉะนั้นเราเอาตรงนี้เป็นที่ตั้ง

  • การศึกษาไทย เรื่องอะไรสำคัญที่สุด ที่จะท่านจะทำการเปลี่ยนแปลงและอะไรคืออุปสรรค 

ทุกเรื่องที่พูดคุยวันนี้ สำคัญทุกเรื่อง แต่ที่สำคัญที่สุดคือตัวของท่านนายกรัฐมนตรีเพราะว่าเราเป็นประเทศประชาธิปไตย เราต้องมีนายกรัฐมนตรี ต้องมีวิสัยทัศน์ ในการเลือกรัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆ ต้องเลือกคนที่มีความรู้มีประสบการณ์เข้ามาทำงาน หากเลือกคนไม่มีประสบการณืในการบริหารราชการแผ่นดิน ก็ไม่สามารถที่จะบังคับบัญชาหรือว่าจะมีความเป็นกัลยาณมิตรกับพี่น้องข้าราชการที่จะให้เดินไปได้ นอกจากนี้หากมีการแต่งตั้งใครเข้ามาทำงานแล้วอยากจะขอให้โอกาสทำงานให้ครบว่าระเพื่อที่จะได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งบางรัฐบาลมีรัฐมนตรีกระทรวงศึกษา 6 ท่าน งานจึงไม่มีความต่อเนื่อง 

  • นโยบายการศึกษาเพื่อการมีงานทำ

เราอยากให้สภาการศึกษา กลับมาเป็นเข็มทิศของประเทศไทย อยากจะให้ทำทำงานในเชิงรุก เอางานวิจัยที่ดีที่สุดของสภาการศึกษามาเป็นแนวทาง ซึ่งทาง ดร.คุณหญิงกัลยา ได้ให้นโยบายสภาการศึกษาไป ให้เอาอาชีพหลัก 10 อาชีพ เอามาเป็นตัวตั้งในการทำงานวิจัย แล้วก็ในการออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอน ให้เด็กจบการศึกษาไปแล้วมีอาชีพ มีงานทำ ซึ่งตรงนี้สภาการศึกษาจะทำร่วมเครือข่ายภาคประชาชนเร็วๆนี้

  • นโยบายเรื่องการศึกษาปฐมวัย  

การศึกษาของเด็กปฐมวัย เราให้ความสำคัญมาก  เราใส่ coding เข้าไปในหนักสูตรการเรียนการสอน ซึ่งที่ผ่านมาหลายคนไม่เข้าใจเรื่อง coding คนนึกว่าจะซื้อเครื่องเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่จริงไม่ใช่ มันคือการการเรียนรู้ตั้งแต่ปฐมวัย เป็นการสอน การคิดวิเคราะห์แบบขั้นเป็นตอนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบขบวนการ ไม่ใช่การท่องจำเหมือนเมื่อก่อน แต่เป็นการเรียนด้วยความเข้าใจ รู้จักหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ยกตัวอย่างถ้าเด็กจะปลูกต้นไม้ 1 ต้น เขาจะต้องรู้วิธีตั้งแต่เตรียมดิน เตรียมกล้าพันธ์ จนถึงการจำหน่ายผลผลิตที่ได้มาจากต้นไม้ที่ปลูก

ท่านสามารถฟังบทสัมภาษณ์แบบเต็มได้จากคลิปวิดีโอครับ

ขอบคุณคลิปจาก ThaiPBS  

ข่าวล่าสุด

AESLA เปิดตัวนวัตกรรม Yellow Laser 577nm และ Dual Diode Laser ยกระดับการรักษาปัญหาผิว

AESLA เปิดตัวนวัตกรรม Yellow Laser 577nm และ Dual Diode Laser ยกระดับการรักษาปัญหาผิว

AESLA เปิดตัวนวัตกรรม Yellow Laser 577nm และ Dual Diode Laser ยกระดับการรักษาปัญหาผิว

กวินฯ เปิดตัวจัดงาน "Licensing Show ASEAN 2025" ลิขสิทธิ์ครั้งแรกในไทยและอาเซียน

กวินฯ เปิดตัวจัดงาน "Licensing Show ASEAN 2025" ลิขสิทธิ์ครั้งแรกในไทยและอาเซียน

"Licensing Show ASEAN 2025" งานประชุมและแสดงสินค้าระดับนานาชาติครั้งแรกที่เชื่อมโยงโอกาสด้านการอนุญาตใช้ลิขสิทธิ์ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม

UFM จัดงานฉลองครบรอบ 60 ปี ตอกย้ำความสำเร็จ แป้งสาลีเจ้าแรกของไทย

UFM จัดงานฉลองครบรอบ 60 ปี ตอกย้ำความสำเร็จ แป้งสาลีเจ้าแรกของไทย

UFM จัดงานฉลองครบรอบ 60 ปี “UFM Food Fair” ชุมชนเบเกอรี่และอาหารแห่งความทรงจำ ตอกย้ำความสำเร็จ แป้งสาลีเจ้าแรกของไทย