“เขื่อน ภัทรดนัย เสตสุวรรณ” เป็นศิลปิน 1 คน ที่ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรก็ตาม มักจะมีกระแสดราม่าออกมาให้เห็นกันเสมอ ซึ่งเรื่องราวยาก ๆ เหล่านั้น ทำให้เขื่อนได้เรียนรู้ ยอมรับ และปรับตัว จนสามารถรับมือและกลายมาเป็นผู้ที่คอยให้กำลังใจผู้อื่น สละเวลาส่วนตัวไปตั้งจุดรับฟังปัญหาปรึกษาปัญหาชีวิตให้กับคนทั่วไป จนเรียกได้ว่าไอดอลทางใจของคนรุ่นใหม่ไปแล้วก็ว่าได้ โดยล่าสุด เขื่อน ได้มาส่งต่อพลังใจให้คนรุ่นใหม่ ให้ล้มแล้วลุกเดินต่อไปให้ใจไหว ผ่านการ Live Talk ในงาน Soul Connect Fest มหกรรมพบเพื่อนใจ ที่จัดขึ้นโดย สำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา สสส.
โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งในการทอล์ก เขื่อนกล่าวว่า “ในสังคมที่ผู้คนส่วนมากพร้อมที่จะปล่อยพลังงานลบใส่กันเสมอ ตัวเราเองต้องรู้จัก กล้าที่จะยอมรับตัวเอง กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง และถ้าหากเราเป็นตัวของตัวเองแล้วแต่มีคนไม่ชอบเรา ต่อว่าเรา นินทาว่าร้ายเรา อย่าหวั่นไหวกับผู้คนเหล่านั้น แล้วทำให้เราสูญเสียความเป็นตัวเอง แต่จงทำในสิ่งที่เราอยากทำ ไม่งั้นเราจะมาเสียดายทีหลัง เราจงเชื่อมั่นในตัวของเรา คำพูดเดียวที่ไม่ได้คิดของคนที่พูดแล้วก็จบไป เขาอาจลืมไปแล้ว แต่คนฟังกลับจำฝังใจ บางทีกลายเป็นแผลในใจที่กว่าจะรักษาใจได้บางคนใช้เวลานานหลายปี ซึ่งเขื่อนอยากบอกว่าเราต้องเข้าใจให้ได้ ว่าที่เขาว่าเรานั้น คำพูด การกระทำ ส่วนหนึ่งคือการสะท้อนตัวตนของคนพูด คนที่มีความสุขจะไม่คอยจับจ้องที่จะจับผิดคนอื่น ส่วนทางด้านของคนที่คอยบูลลี่คนอื่น เขื่อนก็อยากบอกว่ามันเหนื่อยนะกับการที่มีพลังงานลบอยู่ในตัว การที่เราเป็นแบบนั้นมันเหนื่อยมาก ๆ เลยนะ เราต้องระวังอย่าไปสร้างบาดแผลในใจให้กับใครเลย
ในโลกที่แข็งกระด้าง การที่เราจะเก็บความอ่อนโยนไว้มันยาก เพราะคนมักจะคิดกันว่าเมื่อโลกมันร้ายกับเรา เราก็ต้องร้ายกลับสิเราถึงจะรอด แต่เขื่อนกลับคิดว่าความอ่อนโยนนี่แหละจะทำให้เรามีช่องว่างในการเติบโต และจะช่วยให้เราวางสิ่งหนัก ๆ หลายอย่างลงได้ เพราะเราไม่สามารถที่จะไปบังคับใครให้เป็นอย่างใจเราได้ แต่เราเรียนรู้ที่จะรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ของตัวเอง เรียนรู้ที่จัดการอารมณ์ตัวเอง ยุคนี้เราอยู่ในสังคมที่ส่งต่อความเชื่อว่าต้องมีความสุขนะถึงจะเรียกว่าชีวิตดี ถ้าเราไม่มีความสุขแสดงว่าชีวิตเราต้องมีอะไรผิดปกติ คำว่าความสุขจึงกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องไป แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้น เพราะชีวิตหนึ่งต้องมีทั้ง สุข ทุกข์ โกรธ เศร้า ฯลฯ
เขื่อนว่าแก่นสำคัญของชีวิตคือเราควรใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย ถ้ารู้ความหมายของชีวิตและมีความสุขด้วยนั่นคือเจ๋งมาก เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ร่างกายรู้สึกดี จิตใจรู้สึกดี จิตวิญญาณรู้สึกดี และความหมายมันยังอยู่ ถึงแม้จะไม่มีความสุข นั่นไม่ใช่ปัญหา เรายังสามารถไปต่อได้ เพราะเราใช้ความหมายของชีวิตเป็นที่ตั้ง ความหมายของชีวิตจะขับเคลื่อนชีวิตของเราไปได้ แม้ความรู้สึก ณ เวลานั้นจะทุกข์ เหนื่อย อ่อนล้า โกรธใด ๆ ก็ตาม แต่เรายังคงรู้ความหมายของชีวิต หลายคนอยู่ในภาวะเบิร์นเอ้าท์ คือความหมายของชีวิตมันหายไป ถ้าระหว่างทางชีวิตของเรา ความหมายของชีวิตมันเปลี่ยนไป นั่นก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน เพราะมันสามารถเปลี่ยนไปตามบริบทชีวิตในแต่ละช่วงวัย แต่เราควรสำรวจตัวเองตลอดว่าความหมายของชีวิตเรา ณ เวลานี้คืออะไร คอยถามตัวเองว่าความหมายและความสุขของชีวิตเรา มันคือสิ่งที่ตัวเองต้องการแบบนั้น หรือเป็นไปตามอิทธิพลจากคนรอบข้าง และสำคัญที่สุดที่ต้องตระหนักคือเราต้องรู้ว่า ช่วงเวลาการมีชีวิตของเรามีจำกัดนะครับ เราควรอยู่อย่างมีความหมาย ลองถามตัวเองว่ามีอะไรที่อยากทำและยังไม่ได้ทำ อะไรที่ยังทำอยู่และไม่ชอบ และอะไรที่อยากบอกใครแต่ยังไม่ได้บอก ให้เราคำนึงถึงตรงนี้ และตั้งคำถามถามกับตัวเองว่า ชีวิตเราเอาสุขนำหรือเปล่า ถ้าสุขนำแล้วมีความหมายอยู่ในนั้นไหม สรุปความสุขของเรานั้นเราให้คนอื่นตัดสินหรือเปล่า เราเองอนุญาตให้ตัวเองรู้สึกมากน้อยแค่ไหน และสุดท้ายเราควรใช้ชีวิตอย่างมีความหมายที่สุดครับ”
เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ขอเชิญร่วมชมการแสดงดนตรี บทเพลงพระราชนิพนธ์ ร่วมน้อมรำลึก เนื่องในวันนวมินทรมหาราช 13 ต.ค. 68 โดยวงซิมโฟนีออเคสตรา Bangkok Metropolitan Orchestra พร้อมศิลปินรับเชิญ
วราวุธ-พม. เชิญร่วมงาน SDx 2025 “วิกฤตซ้อนวิกฤต: โครงสร้างประชากรและสภาพภูมิอากาศ” เตรียมหาทางออก-รับมือ 17-18 ก.ย.นี้ ที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์
โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ ชวนชิมบุฟเฟต์ติ่มซำและอาหารจีนรสเลิศ บรรจงรังสรรค์ความอร่อยสดใหม่ จากห้องอาหารเรือนต้น