14 ตุลาคม 2568

BRI ยืนหนึ่ง “ตลาดอาหารสัตว์ - อาหารเสริมสำหรับปศุสัตว์”

image

BRI ยืนหนึ่ง “ตลาดอาหารสัตว์ - อาหารเสริมสำหรับปศุสัตว์” พร้อมลุยตลาดไทยเต็มสูบ ชูกลยุทธ์เสริมสร้างความรู้ด้านอาหารสัตว์ – ทำวิจัยร่วมกับผู้ประกอบการ

“BRI” (BIORESOURCE INTERNATIONAL, INC.) แบรนด์สารเสริมในอาหารสัตว์สำหรับปศุสัตว์จากประเทศสหรัฐอเมริกา บุกตลาดไทยหลังเชื่อมั่นศักยภาพปศุสัตว์ไทยเติบโต ดึงกลยุทธ์เสริมสร้างความรู้ด้านอาหารและสร้างงานวิจัยร่วมกับผู้ประกอบการเป็นแกนนำ ช่วยให้สามารถเลือกอาหารและอาหารเสริมที่เหมาะสมกับสัตว์ เพื่อการเติบโตและให้มีผลผลิตที่ยั่งยืน

Mr. Flemming Mahs, President Animal Health & Nutrition บริษัท BIORESOURCE INTERNATIONAL, INC. (BRI) กล่าวว่า BRI เป็นผู้คิดค้นพัฒนา ผลิตและส่งออกสารเสริมอาหารสัตว์ชั้นนำของโลก โดยบริษัทแม่ตั้งอยู่ใน Research Triangle Park รัฐนอร์ธแคโรไลนา ซึ่งเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีชีวภาพที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา ผลิตภัณฑ์ของ BRI ใช้เทคนิคทางวิทยาศาสตร์ล่าสุด มีการวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลในการคิดค้น พัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของจุลินทรีย์ในลำไส้ของสัตว์ปีก สุกร และสัตว์น้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยได้และการดูดซึม ส่งผลในเริ่องการเจริญเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการเจ็บปวย และเพิ่มผลกำไรสูงสุดในแบบยั่งยืน 
สำหรับตลาดอาหารปศุสัตว์ไทยปี 2565 เพิ่มขึ้นจากปี 2564 11% หรือ 11,641 ล้านบาท ทำให้ตลาดมีมูลค่า 258,661 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในภาพรวมของโลกมีการคลี่คลาย เกือบทุกประเทศทั่วโลกมีการเปิดประเทศเพื่อดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้กลับสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้เศรษฐกิจและการค้าโลกกลับมาฟื้นตัว เป็นผลดีต่อการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ที่ใช้เป็นอาหารของไทยขยายตัวตามไปด้วย 
“มีการคาดการณ์ว่าปี 2566 ตลาดส่งออกสินค้าปศุสัตว์จะส่งออกประมาณ 300,000 ล้านบาท ส่งผลให้ฟาร์มปศุสัตว์มีโอกาสเติบโตและสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกมาก ซึ่งเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการปศุสัตว์ของไทยได้ขยายโอกาสทั้งในประเทศและตลาดโลก ปัจจุบันไทยส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อไก่เป็นอันดับ 4 ของโลก ขณะที่ส่งออกอันดับหนึ่งของโลกยังคงเป็นของบราซิล”


จากการมองเห็นโอกาสของการเลี้ยงสัตว์เพื่อบริโภคที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปีนี้ BRI ได้นำผลิตภัณฑ์เข้ามาจำหน่ายในไทย 3 แบรนด์ โดยแบรนด์เรือธงสำคัญ คือ เอ็นซาโปร (Enzapro) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกฤทธิืเสริมกัน หรือ Zymbiotic ซึ่งประกอบด้วย Enzyme Prebiotic และ Probiotic ซึ่งเอ็นซาโปร จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบลำไส้สัตว์ เพิ่มประสิทธิภาพการย่อย เพิ่มความสมดุลของลำไส้ ลดการก่อโรคของแบคทีเรียที่จะทำให้เกิดความเสียหายในลำไส้ ซึ่งเอ็นซาโปร สามารถส่งเสริมสมรรถภาพทางเดินอาหารของไก่ ปลา หมู เอ็นซาโปรเป็นสารธรรมชาติที่ได้จากการหมักจุลินทรีย์สายพันธุ์พิเศษ ที่สามารถเพิ่มการเจริญเติบโตได้ดี โดยที่ไม่ต้องใช้สารเร่งโตเป็นตัวช่วย ที่สำคัญ เอ็นซาโปรไม่ใช่ยาปฎิชีวนะ จึงไม่นำไปสู่ปัญหาของการดื้อยาทั้งในคนและในสัตว์ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในเวลานี้” 


Mr. Flemming Mahs กล่าวต่อว่า สายพันธุ์ไก่มีการพัฒนาทุกปีให้มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาน้อยลง ปัจจุบันเราสามารถเลี้ยงไก่ให้มีน้ำหนัก 2.2-2.4 กิโลกรัมภายในเวลาไม่ถึง 40 วัน และการยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) และยาปฏิชีวนะที่มีผลกระตุ้นการเจริญเติบโต (Antibiotic Growth Promotor - AGP) ที่ยังคงมีการใช้กันแพร่หลายในเอเชีย ส่งผลทำให้เกิดการดื้อยาในคน มีรายงานจากโรงพยาบาลศิริราช พบการเสียชีวิตจากผู้ป่วยที่มียีนส์ดื้อยากว่าสามหมื่นคนต่อปี ส่งผลทำให้ผู้บริโภคตื่นตัวและเรียกร้องให้ผู้ผลิตเนื้อหมูหรือไก่ให้ลดหรือยกเลิกการใช้ยาปฏิชีวนะในการเลี้ยง ปัจจุบันทางยุโรปมีการเลิกใช้ยาปฏิชีวนะในอาหารสัตว์มานานกว่าสิบปีแล้ว ดังนั้น การใช้สารเสริมที่มาจากธรรมชาติจึงเป็นที่ยอมรับและเป็นทางเลือกสำหรับผู้ผลิตเนื้อสัตว์

การเลี้ยงไก่แบบอุตสาหกรรม ในหนึ่งเล้าจะเลี้ยงประมาณ 20,000 ตัว หากมีการบริหารจัดการที่ไม่ดีพอ ทำให้มีโอกาสเกิดปัญหาและโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคทางเดินอาหารที่มาจากการติดเซื้อแบคทีเรีย อี โคไล (E. Coli) ซัลโมเนลลา (Salmonella spp) คลอสทริเดียม (Clostridium) ได้ ซึ่งแบคทีเรียก่อโรคเหล่านี้ทำให้เกิดความเสียหายในเรื่องประสิทธิภาพการเลี้ยง เสี่ยงต่อการปนเปื้อนในเนื้อสัตว์ และส่งผลต่อความเจ็บป่วยของผู้บริโภค ซึ่งประเทศที่ผลิตเนื้อไก่เพื่อการส่งออก จะต้องมีการตรวจการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะ เชื้อซัลโมเนลลา และต้องปลอดการปนเปื้อนจึงจะสามารถส่งออกได้  สำหรับแผนการทำตลาดของ เอ็นซาโปร ในประเทศไทย คือการสร้างความเข้าใจในเรื่องการลด/หยุดใช้ยาปฎิชีวนะ การเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยง การลดต้นทุนการผลิต รวมถึงการทำวิจัยร่วมกับผู้ผลิต เพื่อหาวิธีการใหม่ ๆ ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสร้างผลกำไรให้ฟาร์มอย่างยั่งยืน
“ตลาดไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจ คนไทยทำปศุสัตว์จำนวนมากและไทยมีความสามารถที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารของโลก ทำให้เนื้อไก่ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อสด เนื้อแปรรูป เนื้อแช่แข็ง ฯลลฯ เป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้เชื่อมั่นว่าการบุกตลาดไทยครั้งนี้ของ BRI จะสามารถสร้างความยั่งยืนในแง่ของความปลอดภัยในด้านอาหาร และสามารถเติบโตไปกับคู่ค้าได้”

 Mr. Flemming Mahs กล่าวทิ้งท้ายสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเลือกใช้สารเสริมว่า ปัจจุบันสารเสริมทั่วโลกมีอยู่หลายร้อยชนิด ในประเทศไทยเองมีสารเสริมจำหน่ายอยู่กว่า 300 ชนิด ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องรู้และเข้าใจก่อนว่าสารเสริมแต่ละชนิดทำงานอย่างไร ส่งผลต่อการเลี้ยงและการเจริญเติบโตของสัตว์อย่างไร และควรเลือกซื้อจากบริษัทที่ให้คำแนะนำ เช่น สารเสริมต้องใช้กับสัตว์อายุเท่าไหร่ ต้องใช้ร่วมกับอะไร ที่สำคัญต้องมี KPI ในการวัดประสิทธิภาพ รวมถึงต้องมีงานวิจัยหรือการใช้งานจริงด้วย

ข่าวล่าสุด

เอ็ม บี เค เชิญชมการแสดงดนตรี  บทเพลงพระราชนิพนธ์ ในงาน “บทเพลงของพ่อ”

เอ็ม บี เค เชิญชมการแสดงดนตรี บทเพลงพระราชนิพนธ์ ในงาน “บทเพลงของพ่อ”

เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ขอเชิญร่วมชมการแสดงดนตรี บทเพลงพระราชนิพนธ์ ร่วมน้อมรำลึก เนื่องในวันนวมินทรมหาราช 13 ต.ค. 68 โดยวงซิมโฟนีออเคสตรา Bangkok Metropolitan Orchestra พร้อมศิลปินรับเชิญ

วราวุธ-พม. เชิญร่วมงาน SDx 2025 “วิกฤตซ้อนวิกฤต: โครงสร้างประชากรและสภาพภูมิอากาศ” เตรียมหาทางออก-รับมือ

วราวุธ-พม. เชิญร่วมงาน SDx 2025 “วิกฤตซ้อนวิกฤต: โครงสร้างประชากรและสภาพภูมิอากาศ” เตรียมหาทางออก-รับมือ

วราวุธ-พม. เชิญร่วมงาน SDx 2025 “วิกฤตซ้อนวิกฤต: โครงสร้างประชากรและสภาพภูมิอากาศ” เตรียมหาทางออก-รับมือ 17-18 ก.ย.นี้ ที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์

อิ่มอร่อยกับบุฟเฟต์ติ่มซำ-อาหารจีนรสเลิศ @ ห้องอาหารเรือนต้น โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์

อิ่มอร่อยกับบุฟเฟต์ติ่มซำ-อาหารจีนรสเลิศ @ ห้องอาหารเรือนต้น โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์

โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ ชวนชิมบุฟเฟต์ติ่มซำและอาหารจีนรสเลิศ บรรจงรังสรรค์ความอร่อยสดใหม่ จากห้องอาหารเรือนต้น